ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
เนื่องด้วยในการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยฯ สมัยสามัญประจำปีนี้ที่วัดพุทธออเรกอน ขอความกรุณาเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเหลืองทองทั้งหมด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นสังฆสามัคคี ถ้าท่านมีอยู่ที่วัดก็ขอให้เปลี่ยนสีห่มสีเหลืองไปร่วมงานประชุมได้เลย ครับผม
สรุปผลการสัมมนากลุ่ยย่อยที่ประเทศอินเดีย
สรุปผลการสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
กลุ่มที่ ๑
เรื่อง “การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศ”
รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
๑. พระครูสุตสุนทรวัตร ที่ปรึกษากลุ่ม
๒. พ.ม.สมยศ จนฺทูปโม ที่ปรึกษากลุ่ม
๓. พ.ม.ดร.เฉลิม เมตฺติโก ประธานกลุ่ม
๔. พระครูวรสิทธิวิเทศ รองประธานกลุ่ม
๕. พระปลัดสมปอง สุนฺทโร สมาชิกกลุ่ม
๖. พระคำจันทร์ กิตฺติวณฺโณ สมาชิกกลุ่ม
๗. พระมหาสุวรรณรัตน์ กนฺตจาโร สมาชิกกลุ่ม
๘. พระครูสุตพุทธิธัช เลขาฯ กลุ่ม
๙. พระมหาศักดิ์ชาย โกวิโท ผช.เลขาฯ
๑๐. พระมหาวรเมศร์ จารุวณฺโณ ผู้ประสานงานกลุ่ม
ผู้สังเกตการณ์
ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ
ผอ.ส่วนศาสนวิเทศ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมคม สนง.พุทธฯแห่งชาติ
พระมหาแสงทอง ธมฺมสโร วัดโพธิ์ทอง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
พระชาญณรงค์ โฆสโก วัดชมพูเวก อ.เมือง จ.นนทบุรี
ผลการประชุมสัมมนากลุ่มย่อย กลุ่มที่ ๑
เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศ
®®®®®®®®®®®®®®®®®®®®®
จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน
จะกินต้องเตรียมอาหาร
จะพัฒนาการต้องพัฒนาประชาชน
จะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ต้องพัฒนาจิตใจ
จะพัฒนาอะไรๆ ต้องเริ่มที่พัฒนาตนเอง
คำว่า “องค์กรสงฆ์” ในต่างประเทศ ก็คือ “สมัชชาสงฆ์ไทย” เป็นองค์กรที่คอยดูแลพระสงฆ์ (พระธรรมทูต)ไทยที่ไปประกาศพระศาสนายังต่างประเทศ ให้มีศักยภาพ ประสิทธิภาพ และคุณภาพชีวิต ที่ดีอันเป็นหน้าที่หลักของสมัชชาสงฆ์ไทย
การที่จะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศและก่อให้เกิดการพัฒนาขึ้นนั้น ตามการระดมความคิดและการสรุปผลของกลุ่ม จะต้องมีหลักการพัฒนาอยู่ ๖ อย่าง คือ พัฒนาคน พัฒนางาน เพิ่มฐานความรู้ ชูการพัฒนาองค์กร จัดพร้อมด้วยระเบียบองค์กร น้อมพัฒนาเครือข่าย
๑.พัฒนาคน หรือบุคลากร ในองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศ
บุคลากรในองค์กร สงฆ์ไทยในต่างประเทศ แบ่งออกเป็น ๒ ระดับได้แก่ ผู้บริหาร ได้แก่ พระมหาเถระ และกรรมการบริหารสมัชชาสงฆ์ฯ และผู้ได้บังคับบัญชา พระธรรมทูตสายต่างประเทศ
อันดับแรกการที่จะทำให้องค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศมีประสิทธิภาพแล้วนั้นต้องรู้จักพัฒนาตนเองคือบุคลในหน่วยงาน ให้มีการพัฒนาเสียก่อนกล่าวคือ ต้องพัฒนา ด้านกาย ด้านวาจา ด้านใจ เพื่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา น่าเคารพของพุทธบริษัท และผู้พบเห็นทั่วไป กล่าวคือ
-ทางกาย หน้าตาสดชื่นแจ่มใส อากัปกิริยาทั้งการยืน การเดิน การนั่ง เรียบร้อยไม่แข็งกระด้าง อ่อนโยนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เหมาะสมกับสมณะสารูป
-ทางวาจา คือ การพูดดีต้องมีองค์ประกอบ ๔ ประการ คือ พูดแต่ดี มีประโยชน์ ผู้ฟังชอบ และทุกคนปลอดภัย ก่อนพูดทุกครั้งต้อง คิดก่อนพูด พูดดีมีปิยะ
-ทางใจ คือควรมีจิตหนักแน่นมั่นคง มีความมั่นใจในตนเอง ทำใจของตัวเองให้มีความเข้มแข็งทนต่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ลาภ สักการะ อามิสสินจ้าง ฯลฯ เพราะถือได้ว่า จิตใจนั้นคือจุดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาตนเองแบบยั่งยืน
การที่จะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศนั้นต้องพัฒนาคน หรือบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ความสามารถเพื่อเป็นการสนองงานในในองค์กรหรือหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงถือว่าการพัฒนาคนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง ดังสุภาษิตที่ว่า
หากจะหวังผลเพียงชั่วฤดูให้ปลูกพฤกษา
หากจะหวังผลสิบปีนั้นนาให้ปลูกไม้ยืนต้น
หากหวังผลประโยชน์ตราบชั่วอายุคนให้พัฒนาคนสำคัญที่สุด
เพราะฉะนั้น คนหรือบุคคลในองค์กร ของหน่วยงานต่าง ๆ ชื่อได้ว่ามีความสำคัญที่สุดหากองค์กรหรือหน่วยงานใดจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยศักยภาพของบุคคลากร เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จดังผลที่ตั้งปรารถนาเอาไว้ บุคลากรขององค์กรสงฆ์หรือพระธรรมทูตจะต้องมีการพัฒนา ให้มีความรู้ความสามารถเพื่อจะเป็นกำลังสำคัญขององค์กรสงฆ์ในต่างประเทศ
๒.พัฒนางาน
การที่องค์กรหรือหน่วยงานแต่ละที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือจะให้ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีแผนงาน รู้จักการวางแผน ในการดำเนินงาน เพื่อเป็นการกำหนด แผนงาน และนโยบายต่างๆ ในการดำเนินการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
๓.เพิ่มฐานความรู้
การที่จะเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศ ต้องเพิ่มความรู้ของบุคลากรองค์กรหรือพระธรรมทูตให้มีความรู้ ความสามารถ ทั้งทางโลก และทางธรรม ความรู้รอบตัว เช่น ภาษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ความเจริญ ความทันสมัย ในโลกปัจจุบัน ต้องรู้จักเปิดวิสัยทัศน์ให้กว้าง มองโลกอย่างทันสมัย เพื่อเป็นการนำความรู้ที่เกิดขึ้นมาประยุกต์ใช้ในหน่วยงานเพื่อเป็นการเพิ่มระดับประสิทธิภาพขององค์กรสงฆ์ในต่างประเทศให้มีการพัฒนายิ่งๆขึ้นไป
๔.พัฒนาองค์กร
เพื่อให้ระบบการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพที่ทันสมัยสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีจะมุ่งหมายและแนวทางการพัฒนาดังนี้
จัดทำโครงสร้างการบริหารงาน
จัดให้มีแผนการพัฒนาและการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ
จัดตั้งคณะกรรมการบริหารงานและกรรมการที่ปรึกษา
พัฒนาระบบการบริหารงานด้วยหลักคุณธรรม
จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี
๕.การจัดระเบียบขององค์กร
องค์กรพระธรรมทูตมีกฎระเบียบข้อบังคับขององค์กรที่เข้มแข็งสามารถนำสู่การปฏิบัติได้ชัดเจนและสอดคล้องกับนโยบายทุกระดับและกฎหมายระหว่างประเทศควรดำเนินการในด้านต่างๆดังนี้
ดำเนินการปรับปรุงระเบียบ ข้อบังคับขององค์กรสงฆ์ไทยในต่างประเทศให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจกรรมในประเทศนั้นๆ
จัดให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะ ปรึกษาแก่คณะกรรมการยกรางและพิจารณาระเบียบข้องบังคับ
ให้พระธรรมทูตไทยฯ ทุกรูปได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงระเบียบข้องบังคับ
๖.พัฒนาเครือข่าย
เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาระบบสารสนเทศภายในองค์กรพระธรรมทูตไทย โดยมีแนวทางการพัฒนาดังนี้
สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องใช้ในด้านสารสนเทศ และอบรมให้พระธรรมทูตมีความรู้ความสามารถในการใช้เครื่องมือสารสนเทศ
จัดให้มีระบบการสร้างกระบวนการบริหาร การจัดการสร้างฐานข้อมูลเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศในองค์กรให้สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาฯ
1. ควรมีรูปแบบแผนงานและแนวทางปฏิบัติของพระธรรมทูตเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
2. ควรจัดตั้งหน่วยงาน หรือองค์กร ที่คอยประสานงานและอำนวยความสะดวกให้กับพระธรรมทูตที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ เพื่อรับฟังถึงปัญหาและคอยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับพระธรรมทูต
3. หน่วยงานหรือองค์กรสงฆ์ไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ควรมีความจริงใจ เมตตา ต่อพระธรรมทูตทั้งใหม่และเก่า เช่น เข้าไปสอดส่องดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ อาจจะมีแบบฟอร์มสอบถาม ส่งไปตามวัดต่างๆที่พระธรรมทูตสังกัดอยู่ เพื่อจะได้รู้ปัญหาหรือข้อเสนอแนะจาก พระธรรมทูตรูปนั้นๆ เพื่อจะนำมาปรับปรุงแก้ไข หรือช่วยเหลือต่อไป
4. ควรจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นของพระธรรมทูต เช่น การรักษาพยาบาล และเพื่อการศึกษาชั้นสูงๆ ขึ้นไป ฯลฯ
5. ควรจัดสรรหาที่ปฏิบัติงานให้กับพระธรรมทูตที่ผ่านการอบรมแล้วเพื่อแก้ไขปัญหาให้พระธรรมทูตใหม่ที่ไม่มีที่ปฏิบัติงาน อีกทั้งเพื่อเพิ่มพระธรรมทูตให้กับวัดในต่างประเทศที่ต้องการพระธรรมทูต
6. พระสงฆ์ที่จะมาเป็นธรรมทูตควรมีความรู้ทั้งทางโลก และทางธรรมควบคู่กันไป อย่างน้อยน่าจะจบ ป.ตรี หรือเทียบเท่า หรือผู้มีประสบการณ์ในการทำงานด้านภาษา วัฒนธรรม ชีวิตสังคมความเป็นอยู่ในประเทศในนั้นๆ
7. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดสรรงบประมาณ เพื่อถวายเป็นนิตยภัตรสำหรับพระธรรมทูต ซึ่งจะช่วยรักษาบุคลากรไว้เพื่อประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศให้คุ้มค่า กับงบประมาณที่ใช้ไป
ส่งเสริมให้พระธรรมทูตไทยได้เข้าร่วมการประชุมสัมมากับหน่วยงานทางศาสนา หรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
8. หลักสูตรการอบรมพระธรรมทูตควรเพิ่มในเรื่องการเตรียมตัวเพื่อการเดินทางไปเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศเช่น การกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า การตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเป็นต้น
9. กรณีที่วัดไทยในต่างประเทศต้องการพระธรรมทูต ควรแจ้งให้ ส่วนศาสนวิเทศทราบจะได้แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งจะทำให้สะดวกรวดเร็วในการทำงาน
10. หากพระธรรมทูตท่านใดมีปัญหา หรือข้อสงสัยหรือข้อสงสัยในเรื่องใดๆ แล้วสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ ส่วนศาสนวิเทศ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติผ่านทาง Email: aoynoiaoy123@hotmail.com.
เลิกประชุมเวลา 18.30 น.