ปัญหาพระธรรมทูตโดน Deny (ปฏิเสธ) เรื่องบัตรเขียว !
พระธรรมทูตที่ยังไม่มีใบเขียวพึงระมัดระวังเอาไว้…
ปัญหาส่วนตัวของพระธรรมทูต (ต่อจากคอลัมน์ที่แล้ว)
1. พระธรรมทูตทำงานไม่ครบตามกำหนดที่ทางกฏหมายได้กำหนดเอาไว้ก่อนที่จะยื่นเรื่องขอบัตรเขียว โดยเฉพาะเรื่องการทำงานให้กับองค์กรที่จะยื่นเรื่องให้เราอย่างน้อยนั้นต้อง 2 ปีขึ้นไป
2. ปัญหาที่มักพบบ่อยอีกประการหนึ่ง คือการโยกย้ายวัดบ่อย และการอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งของพระธรรมทูตเอง โดยเฉพาะการไม่เข้าใจเรื่องข้อกฏหมายของ R-1 Visa นั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพระธรรมทูต หรือนักสอนศาสนาทั่ว ๆ ไป
3. ปัญหาการย้ายวัดโดยที่ต้นสังกัดเก่า เช่น เจ้าอาวาส หรือว่า ประธานบริหารองค์กรนั้น ๆ ไม่มีการเซ็นต์รับรองการโอนย้ายอย่างถูกต้อง เช่น ในบางกรณี เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น ต้องการหนังสือการโอนย้ายองค์กรอย่างเป็นทางการ สำหรับบางท่านอาจจะมีปัญหาได้ เพราะทางเจ้าอาวาสท่านก็บอกว่า ต่อให้ตายก็ไม่ยอมเซ็นต์ให้ท่าน …แต่พระธรรมทูตอย่าเพิ่งท้อใจนะครับตรงจุดนี้ ฟงหวินมีทางออก และบอกทางเดินให้ได้ แต่ขออุบเอาไว้นะครับ ถ้าใครอยากจะรู้จะบอกเป็การส่วนตัวเท่านั้น เพราะถ้าหากว่าฟงหวินบอกตรง ๆ ก็อาจจะโดนเจ้าอาวาสแต่ละวัดเขม่นเอาได้ โทรมาแล้วกันถึงจะบอก เพราะว่ามันเป็นความลับทางราชการ……
4. ปัญหาอันเกิดจากการโยกย้ายองค์กรแล้วไม่ได้แจ้งให้อิมมิเกรชั่นได้รับทราบ โดยเฉพาะเรื่องของ
I-129 , Petition for Nonimmigrant worker ซึ่งปัญหาของ I-129 นั้นฟงหวินจะได้นำรายละเอียดมาฝากอีกครั้งหนึ่ง
5. ปัญหาเรื่องการทำงานไม่ครบชั่วโมง เช่นทำงานเต็มเวลา หรือว่าแค่ Part time ถ้าหากว่าเป็นการทำงานเต็มเวลาอย่างน้อยต้อง 35 ชั่วโมงต่อ 1 สัปดาห์ แต่ถ้หากว่าเป็นแค่ Part time ก็จะต้อง 20 ชั่วโมงต่อ 1 สัปดาห์
6. ปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจเรื่อง compensation or Non-compensation เช่น
6.1 บางรูปอาจจะชี้แจงให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นรับทราบว่า ทำงานให้กับองค์กรโดยไม่มีเงินเดือน หรือว่า สินไหม ค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ในปัญชีทรัพย์สินส่วนตัวนั้นมีเงินมากเกินไป
6.2 การพบว่าพระธรรมทูตบางรูปมี credit line ที่สูงเกินไป ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับข้อที่ว่าเราทำงานแบบ volunteer แต่ปรากฏว่ามีเครดิตกันสูงเกินความเป็นจริง สำหรับพวกเราอธิบายให้กันฟังนั้น พวกเราเข้าใจ แต่ถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นฟังแล้ว มันฟังไม่ขึ้น ถ้าภาษาเจ้าหน้าที่เขาจะพูดให้เราก็คงบอกว่า “ It doesn’t make sense, how do you have lot of credit cards and the credit score so high ?” ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือไม่มีเงินเดือนแล้วทำไมมีเครดิตคาร์ดหลายใบ ?
7. เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นมาตรวจสอบแล้วไม่เจอผู้ที่เป็นคนเซ็นต์หนังสือเรื่องบัตรเขียวให้ และประเด็นถัดมาก็คือไม่เจอเจ้าตัว หรือว่า Beneficiary ทำให้การตรวจสอบนั้นยืดเยื้อ เพราะฉะนั้น ในระหว่างที่พระธรรมทูตเดินเรื่องบัตรเขียวอยู่ พยายามให้อยู่ที่วัดในเวลา ราชการ จากวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนเสาร์ อาทิตย์ก็พออนุโลมได้
8. ปัญหาการแจ้งข้อมูลเท็จ หรือไม่เป็นจริงเกี่ยวกับองค์กร เริ่มตั้งแต่จำนวนพระธรรมทูต ,พนักงานต่าง ๆในองค์กร, จำนวนสมาชิกขององค์กร และอื่น ๆ อีกมากมาย
9. ปัญหาอันเกิดมาจากพระธรรมทูตเอง และเจ้าอาวาสผู้เซ็นต์เรื่องให้ ในระหว่างดำเนินการขอบัตรเขียวอยู่ แต่เกิดเหตุการณ์เช่นการโยกย้ายสถานที่ใหม่ อันเกิดมาจากความไม่เข้าใจระหว่าง 2 ฝ่าย ก็ทำให้การเดินเรื่องยิ่งมีปัญหามากไปเรื่อย เพราะฉะนั้น ทางที่ดีพระธรรมทูตก็ต้องยอมจำนนต่อเจ้าอาวาส (โจทย์) ส่วนตัวพระธรรมทูตก็ยอมเป็นเชลยศึกไปก่อน จนกว่าจะได้บัตรเขียวแล้วค่อยติดปีกทีหลัง..ขอรับเจ้านาย…
10. ปัญหาที่เกิดจากพระธรรมทูต คือ ไปจ้างทนายเขียนงานให้แต่พระธรรมทูตบางท่านก็ไม่ทราบว่าเขาเขียนเกี่ยวกับอะไร แต่พอเจอเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ก็อาจจะอวดเก่งกว่าเจ้าหน้าที่ และก็ตอบไม่ตรงกับข้อมูลที่ทางอิมมิเกรชั่นเขามีอยู่ เพราะฉะนั้น พระธรรมทูตต้องเข้าใจและศึกษาดูด้วยว่าทนายเขียนข้อมูลอะไรของเราลงไปบ้าง ว่าง ๆ ก็ไปนั่งท่องเอาไว้ก็ได้ หรือไม่องค์กรก็ควรให้รูปใด รูปหนึ่งที่มีความชำนาญเรื่องภาษา และความเป็นมาของวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของเราเป็นผู้ตอบแทนตัวพระธรรมทูตเอง เพื่อป้องกันข้อมูลที่มีอยู่ของเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นขัดแย้งกับความเป็นจริง
11. ปัญหาอีกประการหนึ่งก็คือการเตรียมตัว โดยเฉพาะเรื่องเอกสารส่วนตัวไม่พร้อมก่อนดำเนินเรื่อง ซึ่งเอกสารนั้นบางรูปก็จ้างแปลที่เมืองไทย บางทีก็แปลผิด แปลถูก ถ้าหากว่าเกิดการแปลผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็นำไปสู่ปัญหาที่บานปลายได้นะครับ…จะบอกให้ เพราะฉะนั้น ก่อนดำเนินการยื่นเรื่องพระธรรมทูตต้องตรวจสอบข้อมูลทุก ๆ อย่างให้ละเอียด ถี่ถ้วนจะเป็นการดีที่สุด
12. ปัญหาอันเกิดจากการที่ไม่เข้าใจว่าเราจะต้องส่งอะไรบ้างให้กับทางอิมมิเกรชั่น ประเภทที่รอคัดลอกจากรูปอื่นแล้วก็ส่ง บางครั้งก็ลอกแม้กระทั่งชื่อของรูปนั้น ๆ ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ก็งง ๆ เหมือนกัน เพราะเขาไม่ทราบว่าเอกสารนี้เป็นของใคร หรือว่าวัดไหนกันแน่ ที่พูดมานี้มีหลักฐานนะครับ ไม่ได้แหย่กันเล่น ๆ นะ คือลอกแต่ไม่รู้จะทัดทอนตรงไหน
ปัญหาพระธรรมทูตโดน Deny (ปฏิเสธ) เรื่องบัตรเขียว !พระธรรมทูตที่ยังไม่มีใบเขียวพึงระมัดระวังเอาไว้…
จริง ๆ แล้วฟงหวินไม่อยากจะพูดซ้ำซากมากซักเท่าไรเรื่องปัญหาที่พบมากที่สุดในบรรดาพระธรรมทูตที่มาปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะดินแดนแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองลุงแซม แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปครับที่มักจะประสบปัญหาต่าง ๆ นานา จนบางครั้งทำให้พระธรรมทูตเราหาทางออกไม่เจอ คิดไม่ออก บอกก็ไม่ถูก ได้แต่มือกุมศรีษะไม่รู้จะทำยังไงดี และบางท่านกว่าที่จะได้บัตรเขียวมาครอบครองเส้นผมก็ขาวเต็มไปหมด บางท่านก็ศรีษะล้านไปค่อนครึ่ง ก็นับว่าสาหัสสากรรจ์พอสมควรครับ
จากการเก็บข้อมูลโดยส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องงานที่ฟงหวินได้รับผิดชอบอยู่ (เป็นข้อมูลส่วนตัว) โดยเฉพาะเรื่อง R-1 Visa ที่เป็นนักบวชที่สอนศาสนาและขอกรีนคาร์ด หรือว่าบัตรเขียวในสหรัฐอเมริกานั้น ปัญหาส่วนใหญ่แล้วมี 2 ประเด็นหลัก ๆ ครับ..
1.ปัญหาส่วนตัวของพระธรรมทูตเอง Beneficiary’s problems
2.ปัญหาขององค์กร หรือว่า วัดที่ยื่นบัตรเขียวให้ Prospective Employer’s problems
ฟงหวินขอจำแนกแยกแยะปัญหาออกไปเป็นข้อ ๆ เพื่อที่จะให้น้อง ๆ พระธรรมทูตได้เรียนรู้และหาวิธีแก้ไขเอาไว้ก่อนที่จะดำเนินการขอบัตรเขียวครับ ไม่ใช่ฟงหวินชี้โพรงให้กะรอก แล้วเจ้าอาวาสแต่ละวัดก็จะรีบดักคอพระธรรมทูตทั้งหลายนะครับ คือที่พูดมานี้ก็เพื่อประโยชน์ของพระธรรมทูตทั้งนั้นแหละครับ เรามาถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ดินแดนแห่งสิทธิและเสรีภาพ เราอย่าเอาอำนาจบาทใหญ่มาข่มเหงกันอีกต่อไปเลยครับ มีอะไรก็ขอให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะดีกว่า วัดก็อาศัยพระ และพระก็อาศัยวัด และญาติโยม ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างมีเหตุเป็นแดนเกิดครับ ฯ พระธรรมทูตก็อย่ากล่าวโทษแต่เจ้าอาวาสอย่างเดียวนะครับ เพราะเราต้องยอมรับว่าเจ้าอาวาสนั้นสำคัญมาก ๆ สำหรับบัตรเขียวของพวกพระธรรมทูตทั้งหลาย ลายเซ็นต์ท่านนั้นสำคัญไฉนเหอครับ ? ลายเซ็นต์ท่านก็เหมือน ๆ กับลายเซ็นต์บารัค โอบาม่า ครับ ส่วนเจ้าอาวาสก็ให้เห็นอกเห็นใจน้อง ๆ ด้วยนะครับ เพราะกว่าที่ท่านจะได้บัตรเขียวท่านก็หน้าเขียวไปตาม ๆ กัน …ท่านเจ้าอาวาสจะปล่อยใหลูกน้องศรีษะล้านและผหงอกไปถึงไหน…ขอรับท่าน เจ้านาย…
ปัญหาส่วนตัวของพระธรรมทูต
1.พระธรรมทูตมาอยู่ในองค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่ไม่ครบ 2 ปีแล้วก็ยื่นเรื่องบัตรเขียว บางท่านอาจจะบอกว่าในอดีตทำไมง่ายจังไม่ต้องถึง 2 ปี แต่จริง ๆ ในข้อกฏหมายสำหรับ R-1 Visa ที่เป็นพระสอนนักศาสนานั้นโดยเฉพาะในข้อกฏหมายของ CFR หรือว่า Code of Federal Regulation
มาตรา S 204.5
(1) For at least the two years immediately preceding the filing of the petition have been a member of a religious denomination that has a bona fide non-profit religious organization in the United States.
(2) Be coming to the United States to work in a full time (average of at least 35 hours per (week) compensated position in one of the following occupations as they are defined in paragraph (m)(5) of this section:
(3) Be coming to work for a bona fide non-profit religious organization in the United States, or a bona fide organization which is affiliated with the religious denomination in the United States.
(4) Have been working in one of the positions describes in paragraph (m) (2) of this section, either abroad or in lawful immigration status in the United States, and after the age of 14 years continuously for at least the two years period immediately preceding the filing of the petition. The prior religious work need not correspond precisely to the type of work to be performed. A break in the continuity of the work during the preceding two years will not effect eligibility so long as:
(i) The alien was still employed as a religious worker;
(ii) The break did not exceed two years; and
(iii) The nature of the break was for further religious training or for sabbatical that did not involve unauthorized work in the United States. However, the alien must have been a member of the petitioner’s denomination throughout the two years of qualifying employment.
ทีนี้มาดูเนื้อหาสาระในข้อกฏหมายของมาตรา 204.5
(1) ต้องเป็นสมาชิกของนิกายนั้น ๆ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์และกำไรในประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างน้อย 2 ปี ก่อนยื่นเรื่อง
(2) เดินทางมาปฏิบัติงานในองค์กรนั้นๆ เต็มเวลา (ค่าเฉลี่ย อย่างน้อย 35 ชั่วโมง ต่อ 1 สัปดาห์ ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นหน้าที่ๆได้อธิบายไว้แล้วในพารากราฟ (m)(5)ของมาตรนี้
(3) เดินทางมาปฏิบัติงานให้กับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์และกำไรในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือสำนักนิกายที่มีความเกี่ยวข้องกับนิกายนั้น ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
(4) ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อยในหน้าที่ๆได้อธิบายไว้แล้วในพารากราฟ (m) (2) ของมาตรานี้จะเป็นในต่างประเทศก็ดี หรือไม่ก็ทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกต้อง และอย่างน้อยต้อง 2 ปี ก่อนดำเนินการยื่นเรื่อง ฯที่สำคัญศาสนกิจที่ได้ทำมาแล้วในอดีตนั้นไม่นับเข้าในจำนวนนี้ด้วยนะครับ ฯ และการทำงานไม่ต่อเนื่องในระหว่าง 2 ปี้จะไม่มีผลกระทบตราบใดที่พระธรรมทูต (ผู้ปฏิบัติศาสนกิจทางด้านศาสนา);
(i) คนนั้นยังทำงานเป็นนักสอนษสนาอยู่
(ii) หยุดทำงานไม่เกิน 2 ปี และ
(iii) การขาดการทำงานนั้นก็เพื่อไปฝึกงานด้านศาสนา หรือไม่ก็สำหรับการพักผ่อนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างผิดกฏหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ฯ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ทำงานด้านศาสนานั้นต้องเป็นสมาชิกของสำนักหรือนิกายนั้นอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะมีคุณสมบัติทำงานได้ ฯ