Dec302010ธรรมทูตกวี รัตนพร กลอนปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๔ ศุภฤกษ์ เบิกดิถี ขึ้นปีใหม่ ขอพระไตร รัตนะ พระทั้งสาม รักษาท่าน ให้มีสุข ทุกคืนยาม แก้วความงาม จงประสิทธิ์ มหิทธิดล พุทธรัตน์ เป็นประธาน ให้ท่านสู้ ความหดหู่ ในใจ ไปให้พ้น หากท้อแท้ แลสิ้นหวัง คลั่งกมล จงบันดล ให้มีสุข ทุกข์เสื่อมคลาย ธรรมรัตน์ ส่องสว่าง ทางชีวิต จงพิชิต สรรพภัย ให้ห่างหาย รัศมี พระธรรม นำท่านไป สู่จุดหมาย ที่หวัง อย่างอาจอง สังฆรัตน์ จงปัดป้อง คุ้มครองท่าน ให้ย่างผ่าน กาลเวลา สง่าหงส์ ให้แข็งแกร่ง ด้วยแรงสู้ อยู่ดำรง ให้ถือธง ชัยชนะ นั้นมาครอง จะประกอบ อาชีพใด ให้หรูเลิศ รัตน์ประเสริฐ จงคุ้มภัย ไทยทั้งผอง ขอชาวพุทธ วิมุติล้ำ ธรรมเรืองรอง เดินตามครอง ของจอมปราชญ์ พระศาสดา (อ่านต่อทางขวามือ) จงน้อมนำ รัตน์ทั้งสาม งามสดใส ไว้ในใจ ให้คงอยู่ คู่ศาสนา นำธรรมะ มหิทธิผล องค์พุทธา น้อมนำมา เป็นเกาะแก้ว แนวคุ้มภัย ปีผ่านมา เสือดุ สู้เลือดพล่าน ขอจงผ่าน ไปเถิดหนา อย่าสงสัย ทั้งแค้นขุ่น หม่นหมอง ต้องอภัย เมตตาไว้ ใจเป็นหนึ่ง ที่พึ่งเรา หากใจดี มีธรรม ประจำจิต ใครจะคิด ด่าตอบ มอบความเศร้า จิตไม่หมอง เพราะมีธรรม ตามดังเงา ธรรมจะเฝ้า เป็นเกราะเพชร เผด็จมาร ขอมอบกลอน พรกวี นี้แด่ท่าน เป็นกำนัล มิตรไมตรี ที่สมาน เป็นกาพย์พร อิงธรรม ล้ำลุกาล เป็นของขวัญ ติดถุง มุ่งสู่ปี ขอส่งท่าน สู่ปีใหม่ ด้วยใจภักดิ์ พรหลายหลาก ที่ว่าเลิศ ประเสริฐศรี จะอำนวย ช่วยท่าน นั้นอีกที ให้ท่านมี สุขสวัสดิ์ จิรัตติกาลเทอญ “ เข้าพรรษา…” เข้าพรรษาคือเขตสงฆ์ ผู้ดำรงพระวินัย สามเดือนจะไม่ไป เที่ยวสรรจรและรอนแรม เป็นช่วงที่พระจะศึกษ์ ต้องประพฤติมโนแจ่ม ภาวนาอยู่พักแรม ณวัดชอบประกอบคุณ ส่วนโยมน้อมก้มสิระ ทุกทิวะจะอุดหนุน กอปรทานศีลเพิ่มพูน ในใบบุญพระสัมมา ขอเชิญทุกทุกท่าน จงเข้ากาลปวารณา ตั้งใจลดเลิกลา เสพย์สุราและเมรัย อีกทั้งสิ่งเสพย์ติด มลพิษไม่พิศมัย จงผละมันออกไป ในพรรษาไตรมาส์เดือน ทำดีคู้เคียงสงฆ์ ตั้งใจตรงดำรงเหมือน บวชใจไม่แชเชือน ความสุขเปื้อน ณ พักตร์งาม ทำบุญด้วยจิตแจ่ม อยู่พักแรม ณ เดือนสาม ตั้งใจพระพฤติตาม ธรรมวิลาสองอาจเทอญ.. “ โลกธรรม ๘ …” โลกธรรม สองส่วน ล้วนให้คิด ส่วนใดจิต ชอบใจ อย่าไหลหลง ส่วนใดล้ม ไม่สมจิต ต้องคิดปลง อย่างวยงง จงให้ ใช้ปัญญา จะมียศ เสื่อมยศ โปรดทราบเถิด จะลาภเกิด หรือเสื่อมลาภ ทราบเถิดหนา นั่นเป็นเพียง อนิจจัง ระวังนา มันสับเปลี่ยน เวียนมา ปัญญาดู จะสุขทุกข์ นินทา สรรเสริญ อย่ามัวเพลิน รันทด หรืออดสู เราเป็นเพียง พิชิต พินิจดู หากเรารู้ เท่าทัน พลันสบาย ไม่มีเรา มีเขา จะเบากว่า คิดเพียงว่า ต้องล้ม ไม่สมหมาย ทุกอย่างเกิด ก็ด้วยเคล็ด เหตุปัจจัย มันมาได้ ไปได้ ไม่แปลกเลย จงรักษา ดวงใจ ให้ใสผ่อง อย่าขัดข้อง ภายใน ให้วางเฉย หากดีใจ ก็อย่าฟู อยู่เสบย. “ กัมมัฏฐาน ๒” กรรมฐาน งานของใจ อยากให้รู้ เพราะมีอยู่ สองอย่าง ทางผ่องใส เป็นการฝึก- ฝนดู รู้ภายใน ให้พ้นทุก- ขภัย ใจชุ่มเย็น อย่างที่หนึ่ง สมถ- กัมมัฏฐาน ที่เป็นงาน ดับภัย หายทุกข์เข็ญ มุ่งฝึกใจ ให้จดจ่อ บริเวณ ทำให้เป็น เอกจิต พินิจดู อย่างที่สอง วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ที่เป็นงาน ฝึกใจ มุ่งให้รู้ มองอารมณ์ จากสารทิศ พินิจดู ที่มาสู่ ภายใน ให้รู้ตาม กำหนดปล่อย คอยดู อยู่ปัจจุบัน ที่แปรผัน ไม่เคยพัก ลักษณะสาม ที่แปรเปลี่ยน หมุนเวียนคล้อย คอยดูตาม มองให้เห็น ไม่งาม ตามเป็นจริง สติดู รู้เท่าทัน ปัจจุบันเหตุ ตัดกิเลส ด้วยปัญญา พาสุดหนิง มีวิริยะ พากเพียร จำเนียรจริง สมาธิ แนบนิ่ง ไม่อิงใคร อดีตละ อนาคต จงหยุดอยู่ วางใจดู แต่ปัจจุบัน ทันสมัย มองให้เห็น ลักษณะสาม ตามปัจจัย กาย,เวทนา จิต,ธรรมใน ให้รู้ตาม “ พุทธประวัติ” จากชีวิต กษัตริย์ ต้องพรัดพราก เสด็จจาก นครา สู่ป่าเขา ด้วยทรงเห็น อนิจจัง สังขารเรา มองเห็นเงา ความไม่สุข ทุกข์มาเตือน ทรงสละ สมบัติ สลัดทิ้ง มุ่งหาสิ่ง ที่ผ่องใส หาใครเหมือน ทรงขี่ม้า กัณฑกะ ฉันนะเพื่อน ทรงคล้อยเคลื่อน ราชสถาน ยามราตรี ทรงทดลอง พระวรกาย จนผ่ายผอม ทรงไม่ยอม เสวยภัตต์ หัดวสี ทรงบำเพ็ญ ทุกกะระ มาแรมปี แต่ไม่มี แววพ้นทุกข์ เป็นสุขจริง ทรงหันกลับ ฉันอาหาร ผ่านพระศอ พระองค์พอ เสวยภัตต์ จากผู้หญิง มัชฌิมา ปฏิบัติ ทางลัดจริง ทรงดำดิ่ง วิธีใหม่ พระทัยตรง ทรงปฏิบัติ มัชฌิมา ทางสายเอก วัฏฏาเพศ กิเลสคลาย ไม่ไหลหลง ทรงเห็นหลัก ความจริง สิ่งให้งง ทรงมุ่งตรง เอกจิต สู่นิพพาน ทรงสั่งสอน นิกรชน คนไร้สุข ทรงชี้ทุกข์ ชี้ภัย ในสงสาร อย่าตกอยู่ ในเขต กิเลสมาร ทรงสอนผ่าน การเวลา ห้าพันปี “ จิ๊กซอ…” อันจิ๊กซอ ที่ว่ารก ที่ตกหล่น เอามาชน ต่อเป็นภาพ ไม่สับสน คนเรามี จิ๊กซอดี รีเรียวมน ขอทุกคน เก็บความดี มาเรียงราย เก็บอภัย มาเตรียม เชื่อมดวงจิต ไมตรีมิตร จิตเกื้อกูล คุณสหาย เพราะไม่งั้น อาสัญญะ มากร้ำกราย ก่อนจะตาย คงตาหลือก เลือกใครดี “ คอมฯ/คน…” คอมฯ- มีข้อมูล เป็นโภชนะ คน- มีธรรมะ เป็นแก่นสาร คอมฯ- ขาดไฟ ไร้ทนทาน คน- ขาดแก่นสาร พาลให้ตรม คอมฯ – ขาดไฟ ไร้ชีวิต คน- มีจิต คิดสั่งสม คอมฯ – เป็นเครื่องมือ สื่อสังคม คน- จะตรม ขาดเครื่องมือ นั้นคือ”ธรรม” “ หมาสวดมนต์…” ได้ข่าวว่า มีหมา สองขาเจ้า นั่งคุกเข่า พนมท่า น่าฉงน อยู่ข้างข้าง เจ้าของ ท่องสวดมนต์ ทำเสียจน คนสงสัย แห่ไปดู เจ้าสุนัข ตัวนี้ มีชื่อว่า เจ้าโคนัน พันธุ์ชิวาวา สง่าหรู ส่วนอายุ ปีครึ่ง ทึ่งน่าดู นั่งเทียมครู ที่เป็นพระ ประนมมือ ชั่งเป็นภาพ ที่แปลก แทรกน่ารัก เห็นแล้วพักตร์ ยิ้มร่า น่านับถือ ทำเอาจน คนไป ได้ฮาฮือ ต่างปรบมือ เสียงระงม พร้อมชมมัน ในสภาพ สังคมคน สับสนนี้ แต่กลับมี เจ้าหมา พาสุขสันต์ ในสังคม อลเวง ไม่เว้นวัน แต่หมามัน กลับสวดมนต์ พิกลจริง ด้วยเหตุผล กลใด ทำให้เจ้า จึงได้คิด คุกเข่า เจ้าสุดหนิง หรือว่าเจ้า ถูกมัดกาย ไม่ไหวติง แล้วจับเจ้า ให้นิ่งนิ่ง ไม่จริงใจ แต่ในภาพ นั้นหนา สง่านัก เจ้าคงรัก เพราะแววตา สง่าใส ดูอากัปฯ กลับทำสวย ด้วยเต็มใจ หาสงสัย ใดเหลือ เมื่อได้ชม หรือว่าเจ้า แค่ทำ ตามเจ้าของ ทำแค่ล้น คนมอง ปองขนม หรือว่าทำ เพราะวาสนา มานานนม ที่เพาะบ่ม แต่ชาติก่อน ได้ย้อนมา แต่อย่างไร ก็เป็นภาพ ปลาบปลื้มล้น ที่ทุกคน อ่านหนังสือพิมพ์ ต้องยิ้มร่า จริงไม่จริง ใช้สติ พิจารณา อย่าหาว่า พระพิเลน แต่งเป็นกลอน ในธรรมบท เคยบอกว่า หมาแสนรู้ ที่ได้อยู่ กับเจ้าของ พร้อมคำสอน ได้วิ่งไป นิมนต์พระ มาแรมรอน คาบที่ชาย จีวร ตอนพระมา พร้อมกับได้ ใช้เสียงเห่า เข้าประชิด ทำด้วยจิต ที่เลื่อมใส ฝักใฝ่หา พอมันตาย ก็ได้เกิด เป็นเทวดา ด้วยอานิสงส์ บุญญา ที่หมาทำ นี่เป็นหมา ในธรรมบท พจนะ เป็นหมาพระ นำมา ถึงน่าขำ แต่เป็นเรื่อง สัจจริง อิงพระธรรม เป็นหลักฐาน มาค้ำ ลำนำกลอน หากจะเอา สาระนี้ ที่จากข่าว คงเตือนเรา ได้สติ มีคำสอน ขนาดหมา ยังขนาดนี้ มีอาทร ได้ทำเด่น อุทาหรณ์ สอนสังคม ขออภัย หากใคร ไม่ชอบหมา เพราะหาใช่ เจตนานำ ทำไม่สม ดีไม่ดี ให้พินิจ อย่าจิตตรม มองให้คม แล้วจะเห็น ความเป็นจริง วันมาฆบูชา” พระจันทร์ วันเพ็ญ มาฆะ วันพระ สิบห้า ดิถี เดือนสาม บำเพ็ญ ความดี พระศรีฯ โอวาท สัจจ์ธรรม แด่พระ อรหันต์ เอหิฯ มุตติ พ้นตาม พระสัมม์ หนึ่งพัน สองร้อย ห้าสิบนำ ทรงพร่ำ โอวาท ปาฏิโมกข์ ทรงห้าม ทำบาป ทั้งปวง ตัดห่วง บ่วงรัก วิโยค เจริญ กุศล ทรงโปรด ละโศก เศร้าหมอง แห่งจิต ทรงตรัส อย่างงาม คาถา สามครา อาภรณ์ วิจิตร ทรงมุ่ง สั่งสอน บรรพชิต ตั้งจิต อดทน ข่มใจ ทรงห้าม ทำร้าย ผู้อื่น ซื่นมื่น ในจิต ผ่องใส จงอย่า ข่มเหง ใครใคร วิเหฐัย หาใช่ สมณะ อย่ากล่าว ว่าร้าย ผู้อื่น สดชื่น ให้สม เป็นพระ อย่าเที่ยว รังแก ใครดะ สังวะวะ สำรวม อินทรีย์ ปาฏิ- โมกขะ- สังวรศีล คือถิ่น พักใจ สุขี สำรวม อาหาร สถานที่ เอกี จิตเอก สงัด นี่คือ ตำสอน พุทธะ วาทะ หลายองค์ ทรงตรัส ผิดถูก พระองค์ ชี้ชัด ธัมมะ รัตน์ไตร กวี ทรงปู พื้นฐาน ธรรมะ ท่ามกลาง จันทะ ฉาดสี อร่าม งามธรรม จารี จาตุ- รงคี ดิถีเพ็ญ ทรงฝาก พระธรรม คำสอน แก่หมู่ นิกร ทุกข์เข็ญ ให้หมั่น พากัน บำเพ็ญ ดับเวร สิ้นทุกข์ สุขนิรันดร์ “”พญาอินทรี”“ (พระธรรมทูต เปรียบได้กับพญาอินทรี อย่างไร?) …………. เจ้าพญา ผู้พิทักษ์ เหล่าปักษี แม่อินทรีย์ จอมวิหค ผกเวหา ผู้เป็นใหญ่ ในขุนเขา เฝ้าพนา ครองนภา อากาศกว้าง อย่างทระนง มีคุณธรรม อันยิ่งใหญ่ ให้เล่าขาน พญานก สืบสาน อย่างได้ผล คือวิธี เลี้ยงลูกน้อย ให้คอยยล ขอทุกคน ติดตามกลอน ตอนต่อไป พญานก จะขยัน หมั่นหาเหยื่อ มาแผ่เผื่อ ลูกนก จิตสดใส เฝ้าเป็นห่วง ลูกน้อย ผู้กลอยใจ คอยห่วงใย ถนอม กล่อมลูกยา สายตาสอด ส่องภัย ให้แก่ลูก จิตฝังผูก กลัวลูกหล่น ลงเวหา หมั่นนอนกก ให้อบอุ่น แก่ลูกยา วันเวลา ผ่านไป จนใหญ่โต ลูกทุกตัว เติบใหญ่ อย่างได้ผล ต่างซุกซน บนรังรัก อยากบินโผ มองเห็นแม่ โผผิน บินโฉบโชว์ ต่างอยากโผ บินข้าม ตามมารดา พญานก บินว่อน เพื่อสอนลูก ให้รีบลุก ปลุกใจ ให้ถลา สอนให้บิน กระโจน ร่อนโผนมา ถึงเวลา ลูกรัก จักโบยบิน ลูกพญา อินทรีย์หนอ พอได้ฟัง ต่างก็ย่าง เตาะแตะมา ใกล้ผาหิน บางตัวกล้า เดินต้วมเตี้ยม เตรียมจะบิน บางตัวสิ้น แรงหด ตกจากรัง ตัวที่แข็ง แรงมี ปรี่ขึ้นฟ้า ตัวที่แรง อ่อนหล้า คราหมดหวัง ต่างตกเหว ชีวิน ก็ภินท์พัง ฝากเป็นเรื่อง ความหลัง ที่ยังงง สุดวิสัย ที่แม่อินทรีย์ จะปรี่รับ สุดวิสัย ที่จะคาบ ตามประสงค์ จึงปล่อยให้ ลูกตัวนิด มาปลิดปลง เพราะประสงค์ ลูกที่แข็ง แรงเท่านั้น เปรียบประดุจ ชีวิตเรา เฝ้าฝึกฝน สู้อดทน หนักเบา เฝ้าขยัน จึงจะรอด ปลอดภัย ไร้โทษทัณฑ์ ส่วนผู้ที่ ประมาทนั้น พลันมลาย เหมือนลูกนก อินทรีย์ ที่สาธก นำมาถก ชี้แจง แถลงไข เป็นตำนาน พญาอินทรีย์ ระบือไกล เลี้ยงลูกน้อย เติบใหญ่ ปล่อยให้ตาย เลือกลูกน้อย ที่สดใส ให้คงอยู่ เพื่อต่อสู้ อุปสรรค อย่างสมหมาย ปล่อยลูกน้อย กำลังเพลา ไม่เอาใจ ให้ล่วงหล่น ลงเหวใหญ่ ไพรพนา พระธรรมทูต ก็เช่นกัน ผ่านมาได้ ที่ล้วนแล้ว เอาใจใส่ ใฝ่ศึกษา จึงสอบผ่าน ภาคจิตะ ภาวนา สู่ภาควิชา- การกัน อย่างมั่นคง ส่วนผู้ที่ อ่อนแอ ไม่แผ่เผื่อ ไม่เอื้อเฟื้อ คำสั่ง อย่างเหมาะสม จึงถึงการ ถูกทิ้งไว้ ในกลางดง เลยหัวลง เอวัง กลับรังเดิม พระคุณแม่ จะขอกล่าว พรรณนา พระคุณแม่ เริ่มตั้งแต่ แม่อุ้มท้อง ประคองศรี แม่ทนทุกข์ สุดพร่ำ ช้ำชีวี ใจกายนี้ พลีให้ลูก เฝ้าผูกพันธ์ แม่อุ้มท้อง ประคองลูก สุดที่รัก แม่ลำบาก ใจกาย ไม่สุขสันต์ บางครั้งแม่ ต้องตื่น ขึ้นฉับพลัน เพราะลูกนั้น ด่าวดิ้น เหมือนสิ้นใจ แม่เดินเหิน ไปมา ท่าลำบาก เจ็บปวดมาก ผิวกาย ไม่ผ่องใส หน้าซีดเผือด เลือดฝาด แม่ขาดไป ในภายใน ปั่นป่วน ชวนให้ตรม บางครั้งแม่ เจ็บแสน แน่นหน้าอก แม่นอนกก ใจหาย ไม่สุขสม สรรพางค์ ร้อนผ่าว ร้าวระบม แม่ทุกข์ตรม เพื่อลูกน้อย ผู้กรอยใจ บางครั้งแม่ คลื่นเ***ยน อาเจียนล้ม แม่เป็นลม นอนแผ่ ต้องแก้ไข บางครั้งหอบ แม่เหนื่อย เมื่อยขาดใจ แม่ทุกข์ รักษาครรภ์ นั้นเก้าเดือน วันที่ลูก ลืมตา มาดูโลก แม่ทุกข์โศก ซ้ำร้าย หาใดเหมือน แม่ด่าวดิ้น กรีดร้อง ก้องสะเทือน แม่เปรียบเหมือน ตกแหล่ง แห่งอบาย เสียงลูกร้อง นอนดิ้น แม่สิ้นทุกข์ แม่มีสุข เพราะสม อารมณ์หมาย สองมือกอด ลูกติด แนบชิดกาย ถอนหายใจ ดูลูกน้อย พลอยยินดี ลูกเกิดมา แม่พร้อม ถนอมเลี้ยง เหนื่อยไม่เกี่ยง เพียงให้ลูก ได้สุขี ริ้นจะไต่ ไรจะตอม พร้อมธุลี แม่ปราณี พัดวีให้ หาใครปาน ถึงเมื่อยาม ลูกร้อง ประคองกอด มือแม่สอด อิงแอบ แนบขนาน ยามลูกเศร้า เหงาใจ ไม่ชื่นบาน แม่สงสาร ปลอบจิต หายพิษภัย เลือดในกาย แม่นี้ พลีให้ลูก ถึงจะทุกข์ ลำบาก ยากแค่ไหน แม่ก็สู้ ไม่ย่อท้อ ต่อสิ่งใด เพื่อจะให้ ลูกรอด ตลอดมา บางครั้งลูก เจ็บป่วย ด้วยโรคร้าย ไม่เว้นวาย แม่ก็ให้ การรักษา จนบางครั้ง แม่ต้องนั่ง หลั่งน้ำตา เพราะลูกยา แม่อดหลับ ขับตานอน ถึงเมื่อยาม ลูกน้อย พลอยเติบใหญ่ แม่ห่วงใย ส่งให้เรียน เพียรฝึกสอน เข้าโรงเรียน เขียนก.กา ยังอาวรณ์ แม่สั่งสอน อ้อนลูกน้อย ค่อยเรียนไป เหงื่อของแม่ แต่ละหยด หยาดเพื่อลูก จิตฝังผูก อนาคต ให้สดใส แม่มีคุณ หนุนส่อง ผ่องอำไพ แม่เสียใจ ในเมื่อลูก ถูกมลทิน บันทึกรักจากแม่ จากหัวไร่ ปลายนา ท้องฟ้าใส รวงข้าวไกว ลมโบก วิหคผิน จากกลิ่นโคลน สาบควาย กลิ่นไอดิน ยังถวิล ถึงลูกอยู่ ไม่รู้คลาย จับดินสอ ทออักษร กลอนระลึก พร้อมน้อมนึก ถึงลูกพระ คราห่างหาย ได้เป็นทูต ธรรมะ ทูตะไทย ผละจากไป ใจหดหู่ อยู่อเมริกา วันที่ลูก จากไป ใจเหี่ยวห่อ น้ำตาคลอ กระอัก เป็นหนักหนา โถลูกเรา เฝ้าดูแล แต่ก่อนมา ต้องจากลา ไปไกล ใจอาวรณ์ วันลูกจาก วันนั้น ขวัญสลาย คิดห่วงใย ใจทรุด สุดทอดถอน ใจคว้างเคว้ง เหว่หว้า สุดอาทร ได้อวยพร ทั้งน้ำตา คราลูกไป จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีดัก โอ้ลูกรัก ยังอยู่เย็น เป็นไฉน การประกาศ ศาสนา เป็นอย่างไร อยู่รัฐไหน แล้วหนอลูก แม่ทุกข์ทน ตอนมาใหม่ พอได้ข่าว ของลูกบ้าง ตอนนี้ห่าง ข่าวหาย มาหลายฝน หรือว่าลูก ของแม่ แย่กมล ทุกข์ท่วมท้น ไร้ผู้ คอยดูแล หรือว่าลูก ทำผิดกฏ พุทธศาสน์ จึงประกาศ ผู้ทำผิด ติดร่างแห หรือว่าทุกข์ ไร้เยื่อใย ใครดูแล ลูกของแม่ จึงเงียบไป ไม่กลับมา พระธรรมทูตไทย วาสนา พาไป จากไทยเขต สู่ประเทศ อเมริกา มหาอำนาจ จุดหมุ่งหมาย เพื่อตั้งใจ ไปประกาศ พุทโธวาท ธรรมาทร สอนเวไนย์ เก่าที่ไทย ใหม่ที่นั่น ฝันที่สร้าง ต่างเดินทาง, ไปให้สุด, จุดมุ่งหมาย, ธรรมทูต, ที่อบอุ่น, อยู่ในไทย, ต่างต้องไป, เรียนรู้, อยู่ต่างแดน, แล้วแต่บุญ , วาสนา, มาสรรสร้าง, เพราะมีบาง, รูปนั้น รันทดแสน, เพราะเมกา, หาได้เป็น, เช่นเมืองแมน, เพราะบางวัด , ก็แร้นแค้น , แสนอาดูร, แต่บางรูป, สบาย, ได้วัดดี, มีวิถี, ชีวิต, ที่อบอุ่น, มีน้ำใจ, ไม่เหว่หว้า, มาเกื้อกูล, ถือเป็นบุญ- นิธิ ที่ติดตัว, แต่บางรูป , แร้นแค้น, แสนรัดทด, ไอเดียหด, ทุกข์โรมรัน , ฝันสลัว, แต่ส่วนใหญ่, ก็สบาย ไม่หมองมัว ได้ตั้งตัว เป็นนักเทศน์ เวกขธรรม ได้ประกาศ สัจธรรม ตามแนวพุทธ หลักวิมุติ ที่เรืองรอง ของพระสัมม์ หาช่องทาง ที่วิลาศ ประกาศธรรม ให้ได้ตาม พระองค์สั่ง ต่างไม่ลืม ฆาตกรรมวัดพรหมคุณาราม อริโซน่า โอ้อนาถ ฆาตกรรม อำมหิต บุกประชิด ยิงท้ายทอย สอยข้างหลัง ตายเกลื่อดกลาด ทั้งพระโยม วัดพรหมฯดัง ญาติโยมต่าง หลั่น้ำตา ด้วยอาลัย เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้น ในคืนหนึ่ง เป็นคืนซึ่ง เดือนดับ ลาลับหาย ช่วงตีสาม ทุกคน หลับสบาย มีผู้ร้าย เข้าอาราม ยามราตรี มันจี้พระ จับแขนไพล่ ให้นอนราบ โดยไม่ทราบ ชะตากรรม ทำเช่นนี้ สามเณร เด็กวัดแย่ พร้อมแม่ชี คนอัปรีย์ จี้ให้ยอม พร้อมลั่นไกฯ เสียงปืนดัง ลั่นวัด สุดปัดป้อง เลือดก็นอง เนืองพื้น คืนหลับใหล เสียงระงม ขอชีวิต หวิดขาดใจ มันไม่ได้ ใส่จิต คิดเอ็นดู ยิงจนครบ สงบนิ่ง หมดสิ้นเสียง ทิ้งไว้เพียง ความมืดมิด จิตหดหู่ ร่างทุกร่าง ปราศวิญญ์ สิ้นคนดู เช้าถึงรู้ โยมวัดมา น้ำตานอง โอ้วัดพรหรม- คุณาราม ถึงยามเศร้า ไร้แม้เงา พระโยม ได้หม่นหมอง เหลือเพียงร่าง รอยกระเสือก เลือดเป็นกอง ความขัดข้อง หมองไหม้ ได้มาเยือน แสนอาลัย พระธรรมทูต ชุดประกาศฯ ที่ถูกฆาต มรณา หาใครเหมือน ทั้งหกรูป เจอเคราะห์ใหญ่ ไร้สิ่งเตือน ต้องทิ้งเพื่อน แลโยมญาติ จำจากลา ยอมจากบ้าน ประเทศไทย วิไลเขต มาประเทศ เมืองผู้ดี มิกังขา มาต่อสู้ ประกาศธรรม พระสัมมาฯ อนิจจา โดนฆ่าตาย ทำได้ลง สามเณร แม่ชี และเด็กวัด ผู้ปฏิบัติ ความดีงาม ตามพระสงฆ์ ต้องมาปลิด ชีพม้วย อย่างงวยงง เหล่าพระสงฆ์ โยมญาติ ปราชญ์อาลัย โดยเฉพาะ วัดพรหม- คุณาราม ได้ติดตาม ทำบุญ ทุกสมัย เพื่ออุทิศ บุญสืบสาน ทานมัย พร้อมได้ให้ ชื่อวันนี้ อย่างดีงาม นั่นก็คือ “วันบุญญา มหารำลึก” เพื่อน้อมนึก มรชน คนสยาม ผู้เคราะห์ร้าย ในครั้งนี้ ทุกปียาม ทำบุญตาม ส่งให้ จงไปดี ขอเชิญชวน ทุกท่าน ที่่อ่านกลอน จงอาวรณ์ ถึงกัน ในวันนี้ ไปร่วมงาน ที่วัดพรหมฯ กันอีกปี บอกอีกที อริโซน่า สิงหาเอย กลอนที่แต่งนี้ ส่่วนหนึ่งเป็นสมมุติฐาน แต่สิ่งที่มั่นใจ แน่ใจก็คือ ทุกคนถูกฆ่าทั้งหมด เจตนาที่แต่งกลอนนี้ ก็เพื่อระลึกถึงผู้จากไป และแต่งเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้จากไป ขอให้ทุกดวงวิญญาณจงไปสู่สุคติ ชีวิตที่แตกต่าง เธอได้ร่ำ ได้เรียน เพียรสนุก ฉันทนทุกข์ เรียนอ้างว้าง ข้างถนน เธออิ่มหนำ สุขสันต์ กันทุกคน ฉันต้องทน ไส้กิ่ว และหิวโซ เธออ้วนพี หาวิธี ที่จลด แต่ฉันอด แร้นแค้น แสนอักโข เธอได้เล่น เกมส์โลดแ่ล่น แซนไฮโซ ฉันพุงโล นั่งเล่นซาก บนกากดิน ……………………… เธออบอุ่น โดนอุ้ม นุ่มหมือนฟูก ฉันกระดูก ทั้งลูกแม่ แย่หนักหนา เธออิ่มนม พร้อมเรอ เธอนิทรา ฉันนั้นอ้า ปากหว๋อ ขอนมกิน เธอนั้นใส่ รองเท้าดี มียี่ห้อ ฉันเชือกปอ มัดผูก ซุกเท้าใช้ เท้าของเธอ ขาวนุ่ม ละมุลละมัย เท้าฉันไซร์ ดำปี๋ ทั้งปีเดือน ……………………………. ความแตกต่าง ทั้งหมด ที่โพสต์ไว้ เมื่อวิจัย ให้ถูกจุด พุทธศาสนา เป็นเพราะผล ของกรรม ได้นำพา ลิขิตมา ให้ได้ยล ผลของกรรม ใครทำบุญ ไว้ดี ที่เป็นเลิศ ก็บังเกิด ในถิ่นดี ที่สุขสัมม์ พร้อมลาภยศ เพิ่มพูน ที่หนุนนำ สุขติดตาม สรรเสริญ เพลินยินดี แต่หากทำ อกุศล มลดำชั่ว ก็พาตัว ตกอบาย ไร้สุขี พร้อมเศษกรรม นำเกิด ไร้ฤกษ์ดี เกิดชาตินี้ จึงมีกรรม ทำให้ตรม เศษวิบาก สะกดรอย ต้อยตามติด ให้ชีวิต ตกต่ำ ทำให้ขม มักประสบ สรรพภัย ไร้คนชม ชะตาข่ม ให้แร้นแค้น แสนรำเค็ญ ขอชาวพุทธ อย่าได้เป็น เช่นภาพโพสต์ จงงามงด บุญกร้ำกราย หายทุกข์เข็ญ จงตั้งใจ รักษาบุญ หนุนบำเพ็ญ ให้งามเด่น ทุกทิวา ราตรีเทอญ Category: ธรรมทูตกวีBy PiyamedhiDecember 30, 2010 Share this post Share on FacebookShare on Facebook Share on XShare on X Pin itShare on Pinterest Share on LinkedInShare on LinkedIn Author: Piyamedhi Piyamedhi is the head monk of Wat Prodketchettharam of America, Niagara Falls, New York 14072 P: 716-775-5446, 716-563-2691 W:watprodketamerica.org E: piya@thectu.org Post navigationPreviousPrevious post:หนังสือดี ที่สมัชชาสงฆ์ไทย อยากให้อ่านNextNext post:หญิงที่โลกลืมRelated postsวันอาสาฬหบูชา คือวันอะไรบ้าง (สำนวนกลอน)July 27, 2015เข้าพรรษาคือ? (สำนวนกลอน)July 27, 2015“ตาย” สิ่งที่มนุษย์กลัว แท้ที่จริงคืออะไร?July 4, 2015สมัชชาสงฆ์ไทย ช่วยภัยน้ำท่วมNovember 23, 2011เจิม..มอบพรปีใหม่ จากใจสมัชชาฯJanuary 1, 2011น้ำท่วมไทย ภัยท่วมคน, น้ำท่วมไทย ภัยท่วมจิตDecember 21, 2010