บันทึกการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
ของพระธรรมทูตไทยที่ปฏิบัติศาสนกิจทั่วโลก
วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
วัดไทยลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย
********
เริ่มประชุมเวลา ๑๓.๔๙ น.
ผู้เข้าร่วมการประชุม มีดังต่อไปนี้
ประธานในที่ประชุม พระธรรมโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์
ผู้เข้าประชุม พระสุนทรพุทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
พระราชธรรมวิเทศ รองประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา รูปที่ ๑
พระราชภัทราธาดา เจ้าจังหวัดปราจีนบุรี
พระราชสิทธิวิมล รองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี
พระสิริธรรมวิเทศ รองประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา รูปที่ ๓
พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ
…..
เมื่อพระธรรมทูตพร้อมเพียงกันแล้ว ประธานในที่ประชุมกล่าวบูชาพระรัตนตรัย หลังจากนั้นพระมหาถนัด อตฺถจารี เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกากล่าวนำเรื่องการประชุมในภาคบ่าย และอาราธนาพระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ดำเนินการประชุม ดังต่อไปนี้
พระธรรมทูตได้เคยประชุมกันหลายครั้ง ทำให้เกิดแนวทางในการพัฒนาในการทำงานในด้านโครงสร้างการบริหารงาน การสร้างเครือข่าย การสื่อสาร และอีกหลายเรื่องที่เป็นข้อเสนอแนะที่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ และเรามีตัวชี้วัดที่ระบุได้ว่า พระธรรมทูตสามารถทำงานเข้ากับสังคมท้องถิ่นได้
๑.ไม่มีการร้องเรียนจากพื้นบ้าน
๒. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีความเข้าใจในการทำงานของพระธรรมทูตต่างประเทศมากขึ้น
สมัชชาสงฆ์ไทยฯ เป็นองค์กรที่ไม่ห้ามคนเข้าร่วมประชุม ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิกสามารถเข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นได้
ในปีพ.ศ.๒๕๕๒ มีการประชุมพระธรรมทูตโลกที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. เกิดปฏิญญากรุงวอชิงตัน,ดี.ซี. ในปีพ.ศ.๒๕๕๓ มีการประชุมที่วัดวชิรธรรมปทีป มหานครนิวยอร์ก เกิดปฏิญญามหานครนิวยอร์ก ปีพ.ศ.๒๕๕๔ มีการประชุมพระธรรมทูตโลกที่ประเทศอินเดีย-เนปาล เกิดปฏิญญาพุทธคยา ก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานมากขึ้น
พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ได้แจ้งเพื่อทราบผลการประชุมในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ดังต่อไปนี้
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกหนังสือนิมนต์พระธรรมทูตสายต่างประเทศทั้งฝ่ายมหานิกาย(๙๐รูป)ทั้งฝ่ายธรรมยุต(๗๐รูป) โดยมีพระธรรมโกศาจารย์อธิการบดีเป็นองค์เปิดการประชุมในหัวข้อเรื่อง “การสร้างความเข้มแข็งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ” หลังจากนั้นมีการบรรยายพิเศษโดยพระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา และพระธรรมเจติยาจารย์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
ต่อจากนั้นสมเด็จพระพุทธชินวงส์ วัดพิชยญาติการาม ให้โอวาทเรื่องความสำคัญของวิปัสสนากรรมฐาน อยากให้พระธรรมทูตหาเวลาไปฝึกปฏิบัติเพิ่มเติม
ในภาคบ่ายมีการแบ่งกลุ่ม ประชุมกลุ่มย่อย ในภาคค่ำพระพรหมสุธีให้ข้อคิดที่พระธรรมทูตควรปฏิบัติ ๓ ประการ คือ ความวินัย ความเสียสละ และภูมิรู้ภูมิธรรม และพระพรหมเมธีเสนอเรื่องการสร้างศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก
ต่อจากนั้นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเดินทางมากล่าวปิดงาน และนำเรื่องที่ประชุมมีมติเสนอต่อรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไป
หลังจากเสร็จการแจ้งเพื่อทราบแล้วได้มีการเปิดประเด็นเพิ่มเติมในการประชุมกลุ่มย่อยในวันที่ ๒๙ พ.ค.
๒๕๕๕ ที่ผ่านมาดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ ๑ สรุปประเด็นข้อเสนอตัวแทนพระธรรมทูตฝ่ายสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
– ด้านองค์กรปกครอง มีการเสนอเพิ่มเติมโดยตัวแทนพระธรรมทูตว่า
๑. เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรเผยแผ่พระธรรมทูตในต่างประเทศ เช่น เจ้าคณะหนหรือเจ้าคณะภาคต่างประเทศให้เป็นรูปธรรม เพื่อสะดวกแก่การปฏิบัติงาน
๒. การรับรองฐานะองค์กรพระธรรมทูต โดยเสนอมหาเถรสมาคมออกกฎมหาเถรสมาคมเพื่อการรับรองฐานองค์กรพระธรรมทูตในต่างประเทศ
๓. เสนอให้มีการรับรองสถานภาพของวัดไทยในต่างประเทศ
๔. เสนอให้มีการรับรองสถานภาพของพระธรรมทูตในต่างประเทศ
– ด้านบุคลากร
๑. การพัฒนาศักยภาพพระธรรมทูตสายต่างประเทศ โดยเสนอให้สำนักงานฝึกอบรมพระธรรมทูตทั้ง
สองฝ่ายกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมและตรากฎระเบียบเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของพระธรรมทูตเป็นมาตรฐานเดียวกัน ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
๒. เสนอตั้งหน่วยงานประสานงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
– ด้านงบประมาณ
๑. เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์ หรือ เผยแผ่ทางสื่อ
วิทยุโทรทัศน์
๒. เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษาพระธรรมทูตด้านภาษาต่างประเทศ
๓. เสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนกู้ยืมและสงเคราะห์เพื่อการสร้างวัดไทยในต่างประเทศ
– ด้านกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเครือข่ายพระธรรมทูต
เสนอต่อมหาเถรสมาคมให้มีการจัดประชุมฝ่ายบริหารพระธรรมทูตสายต่างประเทศทั่วโลกอย่างน้อย
ทุกๆ ๒ ปี โดยร่วมกับพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะภาคหรือเจ้าคณะจังหวัดในประเทศไทย โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ
– ด้านแผนและนโยบาย
ให้มีการจัดทำแผนและการรับรองแผนพัฒนางานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศร่วมกัน ทั้งแผน
ระยะสั้นและแผนระยะยาว รวมถึงการจัดทำหลักสูตรการสอนวิปัสสนากรรมฐานทั้งภาษาไทย-อังกฤษระยะ ๓
วัน ๕ วัน ๗ วัน ๑๐ วัน และหลักสูตรอบรมธรรมะเบื้องต้นแก่พุทธศาสนิกชนที่เหมาะกับท้องถิ่นนั้นๆ
– ด้านการส่งเสริมสนับสนุนพระธรรมทูตในต่างประเทศ
ให้มีการวางระเบียบเพื่อสนับสนุนส่งเสริมพระธรรมทูตในต่างประเทศด้านต่างๆ เช่น เรื่องพระ
อุปัชฌาย์ สมณศักดิ์ และประกาศเกียรติคุณ เป็นต้น
กลุ่ม ๒ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ของพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป และรัสเซีย
– ประเด็นปัญหาในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทย
๑. ประเด็นด้านการปกครอง (การรับรองสถานภาพองค์กร หนังสือเดินทาง และวีซ่าพระธรรมทูต)
– ประเด็นด้านการปกครอง
– สภาพปัญหา
การรับรองฐานะองค์กรพระธรรมทูตไทยไม่มีระเบียบรองรับชัดเจน ทำให้องค์กรพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศไม่มีสถานภาพที่ถูกต้องตามกฎหมาย
– ข้อเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหา
เสนอให้มหาเถรสมาคมกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจน และมีมติให้รับรองสถานะขององค์กรพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ รวมถึงสถานะเจ้าอาวาสโดยมีหนังสือรับรองแต่งตั้งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
– สภาพปัญหา
ใช้ระยะเวลาต่อหนังสือเดินทางและวีซ่านานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะขอวีซ่าได้ยาก
– ข้อเสนอเพื่อการแก้ไขปัญหา
– ควรมีการประชุมมหาเถรสมาคมในประเด็นเกี่ยวกับการต่อหนังสือเดินทางเป็นประจำทุกเดือน
– สำนักงานพระพุทธศาสนาควรเพิ่มบทบาทในการเป็นผู้ประสานและดูแลตรวจสอบระยะเวลาหมดอายุของหนังสือเดินทางและวีซ่า และแจ้งแก่เจ้าตัวโดยตรง
– รัฐบาลควรเจรจาเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลต่างๆ ในลักษณะที่เป็น G2G เพื่อขอข้อยกเว้นพิเศษให้มีหนังสือเดินทาง และวีซ่าสำหรับพระธรรมทูต
๒. ประเด็นด้านงบประมาณสนับสนุนงานพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ
๓. ประเด็นด้านการบริหารจัดการ เสนอให้วัดต่างๆ ทั่วโลกควรจัดทำผลงานของวัดในรูปแบบวีดีทัศน์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
กลุ่ม ๓ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม
ประเด็น: การพัฒนาศักยภาพของพระธรรมทูต
– ด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เผยแพร่
– พัฒนาพระธรรมทูตให้มีความเข็มแข็งมากขึ้น
– บุคลากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของชุมชน
– การสร้างรูปแบบในการเผยแพร่ให้มีมาตรฐาน
– การอบรมพระธรรมทูตที่มีพรรษาต่ำกว่า 5 ให้มีการอบรมด้านภาษามากขึ้น
ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาศักยภาพ
– การพัฒนาบุคลิกภาพ
– พระธรรมทูตก่อนจะไปประเทศไหนต้องศึกษาวัฒนธรรมประเทศนั้นๆ อย่างน้อย 2 ปี ภาษา วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ เช่น กรณีการจับมือของชาวต่างชาติ พระไทยต้องเรียนรู้และยอมรับ
– ในกรณีนี้วัฒนธรรมของประเทศอาเซียนอาจมีลักษณะใกล้เคียงกัน ธรรมเนียมการสัมผัสจับมืออาจจะช่วยเพิ่มความรู้สึกที่คุ้นเคยมากขึ้น ยกเว้นในกรณีของเพศหญิงอาจมีข้อยกเว้น
– ทั้งนี้ในความแตกต่างของวัฒนธรรมประเทศต่างๆ อาจมีการแสดงความเคารพที่ใกล้ชิดมากกว่ากัน จึงขึ้นอยู่กับการวางตัวของพระภิกษุที่จะรู้จักปฏิเสธหรือวางตัวให้เหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และสามัญสำนึกที่เรามี
– พระไทยอยู่ต่างประเทศต้องรู้จักปรับตัว เช่น การขับรถ เป็นต้น
– พระหนุ่มๆ ยังไม่ควรไปพระธรรมทูต เพราะสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านความตั้งใจของพระธรรมทูต
– กระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องมีการติดต่อประสานงานกระทรวงการต่างประเทศที่จะไป เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ติดต่อ ประสานงาน รวมถึงสำนักพระพุทธศาสนากับกระทรวงการต่างประเทศต้องมีการทำงานร่วมกัน
– การจะเป็นพระธรรมทูตควรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสารมวลชน เพื่อให้สังคมได้รับรู้ (ข้อสังเกตในวันนี้ไม่มีสำนักข่าวหรือสื่อมวลชนไหนเข้ามาทำข่าว)
-การพัฒนาศักยภาพด้านภาษา
– การใช้ภาษาอังกฤษ
– เมื่อเราเป็นธรรมทูตต้องรู้จักด้านภาษาก่อน
– เป็นข้อสังเกตว่าพระพม่าเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าพระไทย แนวทางการเพิ่มศักยภาพของพระธรรมทูตในการใช้ภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้น
– ควรจัดให้มีโรงเรียนสอนด้านภาษา เพื่อให้พระธรรมทูตที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้ศึกษาก่อน 1 ปี กรณีของพระธรรมกายถือเป็นตัวอย่างที่ควรนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพด้านภาษา
– เสนอให้มหาจุฬาลงกรณ์จัดคอร์สด้านภาษา
– ภาครัฐ เช่น สำนักพุทธ ควรให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สถานที่ บุคลากร ในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ รวมถึงวัฒนธรรมของต่างประเทศ ควบคู่กันไป
– ในโรงเรียนนั้นควรจัดให้มีที่พักด้วย
– ในการเรียนกรรมฐานควรมีการนำเรื่องภาษาเข้ามาควบคู่ด้วย
– สรุป 1. ขอให้มีการจัดการอบรมแก่พระธรรมทูตที่จะเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 1 ปี เช่น การจัดศูนย์การอบรมด้านภาษา
– ปี 2558 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
– ศาสนาพุทธถือเป็นศาสนาหลักๆ ของประชาคมอาเซียน การการพัฒนาด้านภาษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
– คนไทยยังมีจุดอ่อนในด้านภาษาเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน เมื่อเราไม่รู้จักภาษาของเขา เราก็จะเสียเปรียบ
ประเด็น: ปัญหาและอุปสรรคของพระธรรมทูต
– การเอาพรรคพวกของตน ทำให้พระธรรมทูตที่มีความตั้งใจเกิดความกลัวและไม่อยากไป
– ปัญหาการต่อวีซ่า
– พระธรรมทูตต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในของแต่ละประเทศก่อน เพราะในแต่ละประเทศก็มีกฎหมายที่ไม่เหมือนกัน เสนอให้จัดตั้งศูนย์พระธรรมทูตของแต่ละประเทศนั้นๆ เมื่อประสบปัญหาก็ให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นก็อาจให้ประธานศูนย์มาประสานงานกับภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้นต่อไป
– อะไรคือตัวชี้วัดผลงานต่อประชาชนของพระธรรมทูต เช่น ในอดีตที่จะมีแม่กองธรรมสนามจะเข้าไปจัดสนามสอบในต่างประเทศ เพื่อวัดผลความรู้ ที่มีมาตรฐานชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ปัจจุบันหลายประเทศไม่มี
– กรณีที่พระไทยหรือคนไทยที่เดินทางไปในต่างประเทศแล้วปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระธรรมทูต เสนอให้พระไทยด้วยกันจัดการเอง แต่ก็มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจึงควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจัดการ
– ทั้งนี้พระธรรมทูตต้องทำหน้าที่สอดส่องดูแล เพื่อความเรียบร้อย รวมถึงพระในท้องถิ่นนั้นก็ต้องจัดการร่วมกันด้วย
– ในกรณีของมาเลเซีย ซึ่งมีพระนิสิตไปปฏิบัติศาสนกิจ เมื่อจบการศึกษาอยากให้อำนวยความสะดวกในการทำหนังสือเดินทาง โดยไม่ต้องไปขอเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดอีก เพียงอธิการบดีเซ็นก็น่าจะพอแล้ว
– ควรมีการสนับสนุนให้กำลังแก่พระนิสิตที่จบใหม่ ด้วยการให้เดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน เพื่อให้มีกำลังใจในการปฏิบัติการเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป
– งบประมาณในการสนับสนุนในการเดินทางไปสังเวชนียสถานแก่พระธรรมทูต
– การปรับความเข้าใจ การให้ความเคารพในระบบอาวุโสของพระที่อยู่มาก่อน
– ในกรณีของพระธรรมทูตที่เปลี่ยนใจเมื่อไปต่างประเทศ จึงควรให้มีการกำหนดอายุตั้งแต่ 30 ปี ขึ้นไป
– สำหรับพระที่ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนามานาน มากกว่า 5-10 ปี รัฐควรจัดให้มีพาสปอร์ตที่อำนวยสะดวกยิ่งขึ้น (พาสปอร์ตสีน้ำเงิน)
– แนวทาง: เสนอมหาเถระสมาคมเพื่อเทียบหลักเกณฑ์ต่อกระทรวงการต่างประเทศ สำนักพุทธต้องประสานงาน
– ด้านหลังพาสปอร์ตควรมีการเขียนคำแนะนำที่สื่อสารให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นพระที่มาทำหน้าที่ในการเผยแพร่ศาสนา ต้องระบุให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่ต้องให้การดูแล ช่วยเหลือเป็นพิเศษ เป็นต้น
ประเด็น: การบูรณาการและปรับปรุงหน่วยงานที่สนับสนุนการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูต
-ให้มีการทำข้อตกลงระหว่างประเทศในอาเซียน (MOU)
– Memory of Understanding เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
– สถานทูตควรจัดให้มีการเข้าไปดูแลการเจ็บป่วยของพระธรรมทูต วิถีชีวิตความเป็นอยู่ สภาพปัญหา ความต้องการของพระธรรมทูต รวมถึงกิจกรรม ภารกิจที่กระทำ เพื่อการพัฒนา
– พระธรรมทูตต้องเป็นหนึ่งเดียว มีการทำงานร่วมกัน ในแต่ละปีมีการประชุมร่วมกันในทุกๆ ปี มีการแลกเปลี่ยน ความรู้ ประสบการณ์ ปัญหา ร่วมกัน
– ในที่ประชุมได้ขอให้มีการจัดตั้งสมาคมสงฆ์เถรวาทอาเซียน(Asean Theravada Sangha Council) ในประเทศอาเซียนรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้การทำงานร่วมกัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก
– เสนอให้มีการประชุม 2 ปี ต่อครั้ง
– ศูนย์ประสานงานในประเทศไทย เสนอให้มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเป็นศูนย์ประสานงาน
– การขนส่งหนังสือธรรมะหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ประเด็น: การส่งเสริมบทบาทและสถานภาพของวัดและพระธรรมทูตให้ได้รับการยอมรับจากประเทศที่พระธรรมทูตไปปฏิบัติสาสนกิจ
– ในกรณีของอินโดนีเซียที่ไม่มีพระอุปัชฌาย์ที่จะทำหน้าที่ในการบวชให้แก่ประชาชนที่สนใจ จึงเสนอให้มีพระอุปัชฌาย์ประจำในแต่ละประเทศ เพราะปัจจุบันจะเกิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง สำหรับผู้สนใจจะบวชจะต้องเดินทางไปหาพระอุปัชฌาย์ ดังนั้นจึงมีแนวทางในการแก้ปัญหา โดยเสนอให้พระภิกษุทำหนังสือขอให้มีการเสนอพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่มีอายุพรรษาตั้งแต่ 20 พรรษา เข้ารับการอบรมเพื่อทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์
ประเด็น: การปรับปรุงหน่วยงานที่รับผิดชอบในงานเผยแพร่
– กรณีบุคคลากรในการปฏิบัติงานที่เลือกปฏิบัติต่อพระภิกษุ เช่นบุคลากรหญิงมุสลิม (สถานทูตไทยที่สิงคโปร์) ที่เลือกปฏิบัติกับพระสงฆ์ ก่อให้เกิดความไม่สะดวกและความสบายในการติดต่อประสานงาน
– สำนักงานพระพุทธศาสนาควรมีการจัดประชุมเช่นนี้ทุกปี เพื่อให้ทราบสถานการณ์ปัญหา การดำเนินงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพระสงฆ์ด้วยกัน
– การสนับสนุนให้พระธรรมทูตได้รับการแต่งตั้ง
– พระธรรมทูตในมาเลเซียขอการสนับสนุนอาสาสมัครหรือครูอาชีพเพื่อไปช่วยสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยแก่คนมาเลเซีย
– ขอสนับสนุนงบประมาณในการอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่ของคนไทยสยามที่อยู่ในมาเลเซียที่อยู่เก่าแก่มาก่อน การนำเอาคนไทยเข้าไปสอนวัฒนธรรม จึงอาจเป็นการเข้าไปครอบงำและสุ่มเสี่ยงต่อการทำลายวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เคยมีมา
– เสนอให้พระธรรมทูตเข้าไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในทุกๆ หมู่บ้าน มีการออกนอกพื้นที่บ้าง ทั้งนี้ในการออกไปควรมีล่ามไปด้วย อันจะนำไปสู่การพัฒนาพระพุทธศาสนาให้ดียิ่งขึ้น
– พระธรรมทูตมีการสร้างศาสนสัมพันธ์อย่างไรบ้าง???
– การเสนอให้แผนในการดำเนินงานของพระธรรมทูต จัดให้มี
– แผนระยะสั้น (3 ปี)
– แผนระยะกลาง (7 ปี)
– แผนระยะยาว (10 ปี)
กลุ่ม ๔ ปัญหา อุปสรรคการเผยแผ่ในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาร์เจนตินา (อเมริกาใต้)
และแนวทางในการแก้ไข
๑. ด้านธุรการ
ก. วีซ่า – มีความยากลำบากมากขึ้นในการขอและต่ออายุ
ข. หนังสือเดินทาง
๒. บทบาทและการเผยแผ่ธรรมะ
๑. พระธรรมทูตต้องมีศีลาจารวัตรอันงดงาม
๒. เรื่องภาษาอังกฤษ และสเปน -จัดตั้งศูนย์รวมข้อมูลความรู้ทางธรรมะในภาษาท้องถิ่น
๓. เรื่องความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น – กฏหมาย วิถีชิวิต เช่นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ยาเสพติด
๔. เรื่องการคาดหวังในตัวพระธรรมทูต
สรุปผลการสัมมนากลุ่มที่ ๕
1. พระธรรมทูตยังขาดภูมิธรรมภูมิปัญญา – ภาษาและความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ
2. พระธรรมทูต – องค์กรและพุทธบริษัทชาวไทยยังไม่มีเอกภาพและยุทธศาสตร์ในการทำงานไปในทิศทางเดียวกันและทำงานอย่างสังฆสามัคคี
3. รัฐบาล – รัฐบาล ราชการ(ราชทูตไทย)ยังไม่มีความจริงจังและจริงใจต่องานพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ
แนวทางการแก้ไข
1. พระธรรมฑูตไทยต้องมีภูมิธรรมภูมิปัญญาและมีความพร้อมในด้านวัฒนธรรมของประเทศที่จะเดินทางไปโดยเฉพาะอินเดียไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ( back to the Buddha lord)
2. มีแผนยุทธศาสตร์ของพุทธบริษัทในการทำงานของพระธรรมฑูตต้องสามัคคีร่วมด้วยช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนกัน
– ทำงานอย่างปรองดองมีเอกภาพ
– สร้าง social network ของพระธรรมทูตไทยทั่วโลก
– สร้างเครือข่าย สามารถย้ายสลับสับเปลี่ยนกัน เพื่อปลุกจิตวิญญาณและช่วยแก้ปัญหาหากมีเรื่อง
ต่างๆ โดยสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบ
3. รัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงกับรัฐบาลในเรื่องวีซ่า
– สถานเอกอัครราชทูตการมีความจริงใจและจริงจังต่อการสนับสนุนงานของพระธรรมทูต
– สถานเอกอัครราชทูต หรือพระธรรมทูตอินเดีย-เนปาลมีส่วนในการเข้าไปแก้ปัญหาบริษัททัวร์เถื่อน ตลอดทั้งจัดอบรมพระธรรมวิทยากร ตลอดทั้งสร้างความเข้าใจทำงานร่วมกันของบริษัททัวร์แดนพุทธภูมิกับพระวิทยากรตลอดสังกัดต่างๆที่เกี่ยวข้อง
-ให้ช่วยอนุเคราะห์สงฆ์อินเดียและชาวอินเดีย ในการฟื้นคืนพระพุทธศาสนากลับสู่อินเดียเพราะมีชาวพุทธใหม่เกิดขึ้น ต้องการความช่วยเหลือด้านพระธรรมฑูตนำอบรมสัง่สอนให้เข้าใจได้ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
– ปลุกวิญญาณพระธรรมทูตและชาวพุทธไทย
– คุณสมบัติของพระธรรมทูตของพระธรรมทูตควรอบรมให้ชำนาญและเข้าถึง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
– เรามิใช่ว่าจะขอให้พระรัตนตรัยอภิบาลประทานพรแต่เราควรรักษาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ในชีวิตของเรา เพื่อเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ( ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน)
– จัดอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางจัดสายการบินไทย สุวรรณภูมิ – คยา , คยา – สุวรรณภูมิ
ให้ราคาถูกเหมือนสายการบินอื่นๆ เพื่อส่งเสริมชาวพุทธไทย –พระสงฆ์ ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องสังเวชนียสถาน 4 ตำบล
– ขอให้วัดต่างๆ อนุเคราะห์ชาวพุทธได้พักอาศัยอย่างสะดวกสบาย
พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณประธานในการดำเนินการประชุมกลุ่มย่อยกล่าวสรุปโดยย่อว่า
กลุ่ม ๑ ควรจะจัดทำรายงานเรื่องรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนแนบไปด้วย
กลุ่ม ๒ ควรทำงานร่วมกันเป็นองค์กรเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสามัคคี
สรุปแล้วส่วนใหญ่ของแต่ละกลุ่มจะเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพราะสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าถึแก่นแท้ของพระศาสนาได้ และพระธรรมทูตผู้เผยแผ่พระศาสนาควรเรียนรู้ภาษาอย่างน้อย ๕ ภาษา คือ ภาษาบาลี ไทย อังกฤษ ภาษาท้องถิ่น และภาษาคอมพิวเตอร์
พระสุนทรพุทธิวิเทศ ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาพระธรรมทูตควรให้ความสำคัญทั้งด้านศีลาจารวัตรและด้านภาษาด้วยกัน และกล่าวปิดประชุม
ปิดประชุมเวลา ๑๗.๔๐ น.
(พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ) (พระมหาถนัด อตฺถจารี)
พระธรรมทูตวัดป่าธรรมรัตน์ เลขาธิการ
ผู้บันทึกรายงานการประชุม ผู้ตรวจรายงานการประชุม
(พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ)
รองอธิการบดี ม. มจร.
ประธานดำเนินการประชุม